เรื่องควรรู้ของโรคติดเกม

เรื่องควรรู้ของโรคติดเกม

การติดเกมเป็นอาการเสพติดทางจิตใจชนิดหนึ่ง ที่หากกระทบต่อการเรียนการทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาและการเข้ากลุ่มบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญ โดยทั่วไปแล้ว หากปล่อยเวลาไปเรื่อย ๆ ผู้เล่นที่เป็นเด็กและวัยรุ่นจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทำให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป ขลุกอยู่กับเกมวันละหลายชั่วโมง ซึ่งกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขรายงานไว้ว่า เด็กไทยติดเกมออนไลน์มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย

พฤติกรรมและอาการของคนที่เป็นโรคติดเกม

1) ถ้าถูกขัดจังหวะขณะเล่น จะรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดอย่างรุนแรง และจะแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวมาก
2) จะแยกตัวออกจากสังคมและใช้เวลาอยู่หน้าจอมากกว่าที่จะใช้เวลาอยู่กับคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
3) ไม่สนใจเรื่องการเรียนหรือการทำงานและกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ
4) หมกมุ่นอยู่กับเกม แล้วจะโมโหมาก ถ้าเล่นเกมแพ้
5) ไม่ยอมรับความจริงว่ามีปัญหาติดเกม
6) จะพูดโกหก ไม่ยอมไปเรียนหรือขโมยเงินเพื่อไปเล่นเกม

ถ้าเป็นโรคติดเกมจะมีอันตรายอย่างไร

การติดเกมก็คล้ายกับการเสพติดยา และเมื่อต้องหยุดเล่นจะมีอาการคล้ายกับการหยุดยาเสพติด ซึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดผลเสียต่าง ๆ เช่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย สายตาสั้น โรคอ้วนจากการกินขนมหวานและเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติ สุขภาพทรุดโทรมเพราะนอนดึก

นอกจากนี้ เมื่อเล่นเกมไม่ชนะก็จะมีอาการทางใจที่รุนแรง เช่น โกรธหงุดหงิดทุกสิ่งรอบตัว บางคนอาจจะทำร้ายตัวเอง หรือหันไปหายาเสพติด

วิธีลดความเสี่ยงเด็กติดเกม

พ่อแม่มีบทบาทสำคัญในการสังเกตและชักชวนลูกที่เป็นเด็กและวัยรุ่นทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่สมกับวัย อย่าคิดเพียงว่าเกมที่เด็กเล่นนั้นจะไม่เป็นพิษเป็นภัย จะเล่นนานเท่าใดก็ได้ ที่จริงแล้ว ควรมีการตกลงกันถึงชนิดและระยะเวลาในการเล่นเกม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเกมและทำให้เด็กไปใช้เวลากับการเล่นกีฬา ดนตรี หรือเข้าสังคมเพื่อนวัยเดียวกันบ้าง

วิธีจัดการกับผู้ใหญ่ติดเกม

ผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่เป็นโรคติดเกม ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานที่มักถดถอยลงไปเรื่อย ๆ หากนอนดึกต่อเนื่อง ทั้งอาจกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย ดังนั้น เพื่อนสนิทและคนในครอบครัวจึงต้องเป็นผู้ตักเตือน หรืออาจจะชวนไปทำประโยชน์ให้กับสังคมในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ออกสู่โลกความจริงมากขึ้น

การติดเกม แม้จะดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาเชิงสังคมอย่างการติดยาเสพติด แต่นับว่าเป็นปัญหาที่กัดกร่อนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ติดเกมกับคนใกล้ชิด และบั่นทอนประสิทธิภาพในการทำงานด้วย เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกคนใส่ใจปัญหานี้กันมากขึ้น เพื่อให้สังคมไทยได้พัฒนาก้าวหน้าต่อไปด้วยคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงในการเรียนและทำงาน