เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ดอลลาร์แข็งค่า กระทบอะไรบ้าง

ICE US Dollar

ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังชะลอตัว เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา และเยอรมนีแสดงสัญญาณของความอ่อนแอ สิ่งหนึ่งที่ยืนยันภาวะถดถอยในเวลานี้คือเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่ง เช่นเดียวกันค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี เศรษฐกิจของประเทศจีนที่เคยแข็งแกร่งในทศวรรษที่ผ่านมา แต่เวลานี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ปัจจุบันเศรษฐกิจจีนก็ชะลอตัวเช่นกัน ขณะเดียวกันตลาดเกิดใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างเกาหลีใต้ บราซิล หรืออินเดียที่เติบโตพรวดพราดช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกไว้ แม้ตลาดเกิดใหม่มีความเสี่ยงในการลงทุนสูง แต่แนวโน้มที่จะขับเคลื่อนการส่งออกมากขึ้น

อาจเป็นเรื่องยากสำหรับตลาดเกิดใหม่ที่จะก้าวเข้ามาเป็นอัศวินช่วยกู้วิกฤตภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ตราบที่เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งแกร่งอยู่ในขณะนี้ เพราะประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีแนวโน้มที่จะยืมเงินในสกุลดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสกุลดอลลาร์แข็งค่า ฉุดความเติบโตของตลาดเกิดใหม่ให้ชะลอตัวและเกิดความตึงเครียดขึ้นอีกด้วย

ทางธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กำลังปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดค่าเงินดอลลาร์ช่วยบรรเทาความตึงเครียดของตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม สหรัฐและประเทศในยุโรปไม่มั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดเกิดใหม่ได้สำเร็จ ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ดี หลังจากลดดอกเบี้ยแล้วก็ยังไม่ฟื้นตัวตามคาดและการเติบโตยังคงชะลอตัวไม่หยุด

ถามว่าดอลลาร์แข็งค่ามากหรือน้อยอย่างไร ลองดูดัชนี ICE US Dollar เปรียบเทียบกับตลาดเกิดใหม่ 6 ประเทศ จะเห็นว่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับรูปีของอินเดียเพิ่มขึ้น 1.9%, เมื่อเทียบกับบราซิลเพิ่มขึ้น 4.1% และเทียบกับเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 5.5% ประเทศเหล่านี้ตลาดเกิดใหม่ยืมเงินเป็นสกุลดอลลาร์ จึงกำลังเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะหลังจากที่ Fed ไฟเขียวใช้นโยบายดอกเบี้ยลดต่ำลงอีก ตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในช่วงปลายปี 2562 นี้ ซึ่งจะเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ของ Fed ในปีนี้

อีกเรื่องที่น่ากังวลคือสหรัฐอเมริกาจะตัดสิทธิประโยชน์ภาษีศุลกากรทางการค้า (GSP) คาดว่าจะส่งผลต่อการส่งออกต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบด้วย ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับว่ามองตรงจุดไหน เนื่องจากมีสินค้าบางอย่างอยู่ในข่ายที่จะโดนผลกระทบ แต่ส่วนใหญ่ก็ถูกตัดสิทธิไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่ตลาดเกิดใหม่หลายประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบแบบไทยด้วย เช่น เวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย เท่ากับว่าไทยเสียเปรียบคู่แข่งมากขึ้นอีก ทุกวันนี้การขายของออนไลน์ หาลูกค้าเข้าเว็บ ผลบอลสด 888 ก็ลำบากแล้วยังต้องหนักกว่าเดิมเรื่อยๆ กระทบทุกธุรกิจเพราะเงินของประชาชนฝืดตัวลง ช่วงที่ผ่านมาการส่งออกของไทยชะลอตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของคู่ค้า ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศชะลอตัวไปด้วย เพราะผู้บริโภคระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย ในระหว่างเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะชะลอตัวอยู่นี้ หลายประเทศเริ่มมองบทบาทของตลาดอื่นแทนสหรัฐอเมริกามากขึ้น รวมทั้งวางแผนรับมือกับผลกระทบค่าเงินบาทแข็งค่าด้วย ไม่น่าจะมีผลกระทบส่งออกในภาพรวม ส่วนภาคที่มีผลกระทบจะต้องปรับราคาเพื่อให้ขายง่ายขึ้นด้วย

นวัตกรรมตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานเลิกเจาะปลายนิ้วทุกวัน

ทราบกันดีว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทุกวัน โดยเจาะปลายนิ้วหยดเลือดลงบนแถบทดสอบของเครื่องตรวจน้ำตาลและอ่านค่าด้วยตนเองที่บ้าน ผู้ป่วยหลายคนคงโล่งใจที่ในอนาคตอันใกล้จะมีทางออกสำหรับคนกลัวเจ็บ นั่นคือนวัตกรรมเครื่องตรวจคลื่นหัวใจชนิดสวมใส่ได้ อาจมาแทนที่การทดสอบเลือดจากปลายนิ้วมือ เพื่อติดตามระดับน้ำตาลในเลือด โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดได้แบบไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวอีกต่อไป

ทำไมถึงต้องต้องเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว

เหตุผลของการเจาะเลือดปลายนิ้วตรวจเลือดหาระดับน้ำตาลที่ปลายนิ้วเพื่อหาแนวโน้มที่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินควร ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีความเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้เป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อรู้สภาวะร่างกายของตัวเองจะง่ายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช่วยควบคุมเบาหวานให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการเจาะหลอดเลือดแดงฝอย แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับหลายคนที่กลัวเข็ม บางคนนิ้วระบมไปหมด แต่ก็ยังต้องตรวจเลือดเป็นประจำเพื่อสามารถดูแลตัวเองให้ดี

ไม่นานมานี้ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอร์วิกในอังกฤษได้พัฒนาระบบเซนเซอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ตรวจจับระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อเตือนสัญญาณอันตรายจากภาวะน้ำตาลต่ำ เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ป่วยและมีแรงจูงใจที่จะดูแลตัวเองให้ดีขึ้น เทคโนโลยีใหม่ไม่ต้องเจาะเลือดปลายนิ้ว แต่ดูจากเครื่องวัดการเต้นของหัวใจของผู้ป่วยแทน วิธีการคือใช้ข้อมูลคลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยเป็นต้นแบบให้ระบบคอมพิวเตอร์จดจำและอ่านค่าน้ำตาลปกติของผู้ป่วย เพื่อดูแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาล สามารถประเมินอาการที่บ่งบอกว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงในขณะนั้น

ทั้งนี้ การตรวจเลือดวันละ 2 ครั้งมีความสำคัญมาก จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ดีและป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดภาวะฉุกเฉินที่มีอาการใจสั่น ชัก และโคม่า เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ขณะนี้การทดสอบระบบเซนเซอร์ตรวจจับคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือดโดยอัตโนมัติใช้ได้ผลในเบื้องต้น เทคโนโลยีมีความน่าเชื่อถือถึง 82% แต่ยังต้องมีการศึกษาวิจัยและทดสอบประสิทธิผลก่อนจะนำมาใช้จริง นวัตกรรมเครื่องตรวจระดับน้ำตาลใช้แทนที่เข็มเจาะเลือดปลายนิ้วจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยวัยเด็ก ถึงจะอายุน้อยก็ป่วยเป็นโรคเบาหวานได้

การรักษาเบาหวานชนิดที่ 1 จำเป็นต้องเจาะเลือดปลายนิ้ววันละ 2-4 ครั้ง ร่วมกับการฉีดฮอร์โมนอินซูลินวันละ 3-4 ครั้ง ส่วนเบาหวานชนิดที่ 2 โชคดีกว่าเพราะแค่รับประทานยากระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน หากไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย ขาดสารอาหาร ไตเสื่อม จอประสาทตาเสื่อม หรืออาการรุนแรงที่อาจเกิดอันตรายขึ้นได้

นวัตกรรมเทคโนโลยีเซนเซอร์คลื่นหัวใจจึงเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ทีมนักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพื่อที่จะปรับให้ใช้งานได้ทุกสถานการณ์ แม้กระทั่งตอนนอนหลับ ไม่ต้องเจ็บปวดกับการเจาะเลือดปลายนิ้วมืออีกต่อไป

นวัตกรรมตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยเบาหวานเลิกเจาะปลายนิ้วทุกวัน

เทคนิคลดหน้าท้องที่ใคร ๆ ก็ทำได้

เทคนิคลดหน้าท้องที่ใคร ๆ ก็ทำได้

ปัญหาหน้าท้องมีส่วนเกินหรือมีพุง เป็นสิ่งที่รบกวนความมั่นใจ โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ต้องการใส่ชุดโชว์รูปร่าง หากมีส่วนเกินหรือพุงยื่น ก็ต้องหาวิธีแก้ไขแบบถูกวิธีและปลอดภัย ดังที่เรารวบรวมมาดังนี้

ลดพุงได้ง่ายๆ ตามเทคนิค ดังนี้

1. งดกินของทอด

ของที่ทอดร้อน ๆ เช่น ลูกชิ้นทอด ไก่ทอด หนังหมู หนังปลาทอดกรอบ เรียกว่าเป็นของที่กระตุ้นน้ำลายและทำให้เพลินกับการรับประทานง่าย ๆ จนทำให้หน้าท้องยื่นได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงเมนูเหล่านี้ และหันไปรับประทานอาหารที่ทำจากการนึ่งต้มและไม่มีส่วนของไขมันสัตว์ เช่น หนังหมู หนังไก่ เป็นต้น จะลดปริมาณพลังงานและไขมันสะสมในร่างกายคุณได้แน่นอน

2. งดเครื่องดื่มหวานจัด

ปัจจุบันร้านค้ามากมายขายเครื่องดื่มหวานที่รสชาติอร่อยและกลิ่นหอมน่าดึงดูดใจ ซึ่งคนรุ่นใหม่จำนวนมากมีอาการติดเครื่องดื่มหวาน เช่น ชานมไข่มุก กาแฟปรุงสำเร็จ น้ำผลไม้ผสมน้ำเชื่อมปั่น ฯลฯ ซึ่งทางการแพทย์พบว่าทำให้เพิ่มไขมันที่หน้าท้อง และในระบบเส้นเลือดด้วย และยังส่งผลให้เป็นโรคเบาหวานตั้งแต่อายุน้อยได้ ดังนั้น ต้องปรับพฤติกรรมการรับประทาน คือ เปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มที่หวานน้อย หรือดื่มน้ำเปล่าจะดีที่สุด

3. งดน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มกลุ่มนี้มีปริมาณน้ำตาลและเกลือแร่หลายชนิดที่ส่งผลเสียต่อสมดุลร่างกาย ทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มได้ 2-3 กิโลกรัมในไม่กี่เดือนหากดื่มต่อเนื่องเป็นประจำ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าผู้ที่ต้องการลดพุง ต้องหยุดการบริโภคเครื่องดื่มเหล่านี้ และหันไปดื่มชาเพื่อสุขภาพเพื่อการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย และช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย

4. เพิ่มไฟเบอร์

การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ขนมปังโฮลวีต ข้าวไม่ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ หรือผักผลไม้ที่มีกากใยมาก เช่น ส้ม แอปเปิล เผือกมัน ข้าวโพด สัปปะรด ฯลฯ จะช่วยในการควบคุมอาการหิวระหว่างมื้อได้ดีขึ้น จะช่วยลดพฤติกรรมกินอาหารจุกจิก ทั้งนี้ หากรับประทานช่วงท้องว่างก่อนการรับประทานอาหารมื้อหลัก จะทำให้อิ่มเร็วขึ้นและทำให้ร่างกายได้รับวิตามินจากผักผลไม้ดีขึ้นด้วย

5. การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบเผาผลาญร่างกายดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ไขมันสะสมทั้งตามแขนขาหน้าท้องลดลงได้พร้อม ๆ กัน และหากทำท่าซิตอัพวันละ 20 นาที ก็จะช่วยให้เห็นผลดีขึ้น

ทุกเทคนิคที่กล่าวมา หากทำเป็นประจำจะทำให้คุณปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างถาวร ซึ่งนอกจากทำให้หน้าท้องส่วนเกินหายไปแล้ว ยังทำให้บุคลิกของคุณดีขึ้น มีความมั่นใจ และทำให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้นด้วย เราหวังว่าทุกท่านจะได้รับแนวทางที่ดี เพื่อนำไปปรับใช้ลดพุงกันต่อไป

ลดพุงได้ง่ายๆ ตามเทคนิค