Category Archives: General

ใส่ไอเดียที่น่าสนใจให้กับห้องของคุณด้วยวอลเปเปอร์

ใส่ไอเดียที่น่าสนใจให้กับห้องของคุณด้วยวอลเปเปอร์

สำหรับคนที่มีสไตล์ ชอบความยูนิคไม่เหมือนใคร คุณคงไม่อยากอยู่กับห้องที่ตกแต่งเดิมๆ ไปนานๆ เรามีไอเดียสำหรับการตกแต่งห้องด้วยวิธีง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะต้องการรีเฟรชผนังห้องของคุณให้ครีเอทไปจากเดิม หรือจะเพิ่มความสนุกสนาน อัปเกรดมู๊ดแอนด์โทนโดยรวมของห้อง เราแนะนำให้คุณลองใช้วอลล์เปเปอร์หรือกระดาษปิดผนัง วิธีง่าย ๆ เพื่อที่จะทำให้คุณได้ห้องใหม่จากการ DIY ด้วยตัวคุณเอง 

ใส่ไอเดียที่น่าสนใจให้กับห้องของคุณด้วยวอลเปเปอร์

วอลล์เปเปอร์สีละมุน จะช่วยสร้างฉากหลังที่สมบูรณ์แบบให้กับภาพถ่าย หรืองานศิลปะชิ้นโปรดของคุณได้อย่างยอดเยี่ยมอย่างที่คุณเองก็จะต้องแปลกใจเลยทีเดียว นอกจากนั้นวอลเปเปอร์ลายเก๋ยังช่วยสร้างคาแรคเตอร์ให้ห้องของคุณโดดเด่นไม่เหมือนใครได้อีกด้วย

ข้อดีของวอลล์เปเปอร์

ในปัจจุบันวอลล์เปเปอร์พัฒนาให้มีกาวในตัว ในลักษณะคล้ายกับเป็นสติ๊กเกอร์ติดผนัง วอลล์เปเปอร์จึงมีข้อดีและจุดเด่นในเรื่องของการติดตั้งที่ทำได้ง่ายดายมาก ๆ ถึงคุณจะเป็นมือใหม่หัดติดตั้งครั้งแรก คุณก็สามารถทำเองได้ไม่ต้องง้อช่าง นอกจากนั้นลวดลาย แพทเทิร์น ต่าง ๆ ของวอลล์เปเปอร์ก็มีให้เลือกมากมาย 

เมื่อเปรียบเทียบกับการตกแต่งห้องใหม่ด้วยการทาสีแล้ว การใช้วอลล์เปเปอร์ลวดลายอาร์ต ๆ เพื่อสร้างสีสันให้กับผนังห้องใหม่ จะถือว่ามีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่ามาก อีกทั้งยังใช้เวลาในการติดตั้งน้อย และไม่มีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ของเดิม ในระหว่างการทำการติดตั้งวอลล์เปเปอร์มากนัก คุณจึงสามารถเปลี่ยนลวดลายของวอลล์เปเปอร์ได้บ่อยครั้งตามใจต้องการ

ตัวอย่างวอลล์เปเปอร์ที่มีให้เลือกหาในท้องตลาด

มีวอลล์เปเปอร์ให้เลือกจากวัสดุต่างๆ มากมายอย่าง เช่น วอลล์เปเปอร์ไวนิล จะเป็นกระดาษติดผนังที่เคลือบด้วยสารไวนิลพิมพ์สี ให้ผิวสัมผัสมันวาว ทำความสะอาดและดูแลรักษาได้ง่าย จึงได้รับความนิยมมากๆ ส่วนวอลล์เปเปอร์อีกประเภทหนึ่งได้แก่ วอลล์เปเปอร์โฟม ซึ่งเป็นวอลล์เปเปอร์กระดาษที่เคลือบผิวด้วยโฟม PVC แล้วขึ้นลายนูน วอลล์เปเปอร์ชนิดนี้จะมีลวดลายเด่นชัด หนานุ่ม แต่ต้องคอยเช็ดทำความสะอาดบ่อย ๆ จึงเหมาะกับการติดตั้งในที่ที่ไม่มีฝุ่นมากนัก แต่มีข้อดีคือน้ำหนักเบา จึงสามารถประยุกต์ใช้กับฝ้าเพดานได้ด้วยเป็นต้น

วอลล์เปเปอร์จะช่วยสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้กับห้องหรือบ้านได้อย่างน่าสนใจ คุณสามารถสร้างสรรค์ให้มู๊ดแอนด์โทนเป็นสไตล์หรูหรา สง่างาม หรือ อ่อนโยน อบอุ่น ก็ทำได้ เพียงแค่คุณเลือกสีและลายของวอลล์เปเปอร์ให้เหมาะกับสไตล์การตกแต่งห้องที่คุณต้องการ เปลี่ยนห้องเดิมๆ ที่น่าเบื่อให้สนุกสนานไม่เหมือนใคร ลองเลือก DIY วอลล์เปเปอร์งานตกแต่งง่ายๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้และคุณก็เช่นกัน

วิธีดูแลบำรุงรักษา เครื่องปรับอากาศ ให้ใช้งานได้นาน

วิธีดูแลบำรุงรักษา เครื่องปรับอากาศ ให้ใช้งานได้นาน

เครื่องปรับอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านต้องมีและย่อมมีการเสื่อมสภาพตามการใช้งานเช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ไม่ควรละเลยก็คือการดูแลบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศอยู่เสมอเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในระยะยาวและจะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่อยู่บ่อย ๆ ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีดูแลบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศให้ใช้งานได้นานจะมีอะไรบ้างลองไปเช็กกันเลย

1. หมั่นทำความสะอาดไส้กรอง / แผ่นกรอง

หากสังเกตดี ๆ ถ้าบ้านไหนอยู่ใกล้ถนนไส้กรองหรือแผ่นกรองอากาศในเครื่องปรับอากาศก็จะสกปรกเร็วขึ้นเนื่องจากการกรองฝุ่นละอองที่อยู่ปะปนในอากาศนั่นเอง ดังนั้นควรถอดไส้กรองมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง

2. ล้างอัดฉีด

เครื่องปรับอากาศเมื่อได้ผ่านการใช้งานประมาณ 4 – 6 เดือน ควรจ้างช่างมาล้างทำความสะอาดคอยล์ร้อนและคอยล์เย็น ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่สำคัญจะได้ประหยัดค่าไฟรวมถึงยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น

3. เช็กระดับน้ำยา

น้ำยาแอร์คือสารทำความเย็นที่ไม่มีกลิ่นโดยจะเป็นองค์ประกอบหลักของเครื่องปรับอากาศ หากใช้ไปนาน ๆ น้ำยาจะหมดไปอาจทำให้เครื่องทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นหลังจากล้างอัดฉีดควรให้ช่างทำการตรวจเช็กระดับน้ำยาแอร์ทุกครั้ง

4. สังเกตเสียงดังผิดปกติ

ขณะที่เปิดใช้เครื่องปรับอากาศควรหมั่นฟังเสียงการทำงานของเครื่อง โดยหากพบว่ามีเสียงดังผิดปกติควรรีบแจ้งทางช่างชำนาญการเพื่อทำการแก้ไขขั้นต่อไป

5. เลี่ยงการใช้ความร้อนในห้องที่มีแอร์

ถ้าไม่อยากให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักจนเกินไปไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน เช่น ไมโครเวฟ, หม้อหุงข้าว, เตาแม่เหล็กไฟฟ้า, เตาอบ ในห้องแอร์

6. เช็คหน้าต่างประตูว่าปิดสนิทดีหรือไม่

แน่นอนว่าห้องที่มีเครื่องปรับอากาศจะต้องปิดให้สนิทเพื่อไม่ให้เครื่องทำงานหนักจนเกินไป ซึ่งหากพบว่าหน้าต่างปิดไม่สนิทหรือประตูมีช่องว่างกว้างเกินไปให้รีบแก้ไขในทันที

7. เลือกเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง

ความเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะผู้ใช้งานจะต้องรู้ว่าขนาดพื้นที่ในห้องควรจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบไหน

8. อย่าให้แสงแดดส่องเข้าห้องโดยตรง

หากห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศอยู่ในตำแหน่งที่รับแสงแดดโดยตรงควรติดตั้งม่านกำบังแดด เพื่อกรองแสงให้ผ่านเข้ามาในห้องได้น้อยที่สุดและจะช่วยให้ห้องเย็นเร็วขึ้นอีกทั้งยังช่วยให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักจนเกินไปอีกด้วย

และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีดูแลบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศให้ใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งการดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศเป็นประจำนั้นนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังทำให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดีขึ้นให้คุณสูดอากาศสดชื่นไร้กลิ่นอับนอนหลับสบายแถมยังลดการเกิดโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย

ผมมันเกิดจากอะไร? พร้อมแนะ 3 วิธีรับมือกับผมมันแบบเร่งด่วน!

ผมมันเกิดจากอะไร

ผมมัน หัวลีบ จัดทรงไม่สวย ดูไม่สะอาด! ใครที่ประสบกับปัญหาเหล่านี้อยู่บอกเลยว่าคงหนักใจอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมคะ วันนี้เรามีวิธีแก้ไขง่าย ๆ ที่สามารถทำตามได้อย่างแน่นอนมาแนะนำ แต่ก่อนที่จะไปดูวิธีรับมือนั้น เรามีสาระน่ารู้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาแนะนำว่าแท้จริงแล้วผมมันนั้นเกิดจากอะไร ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูพร้อมกันได้เลย ลุย!!

ผมมัน เกิดจากอะไร ?

ผมมันเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่หลัก ๆ แล้วมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเป็นปัจจัยหลัก ดังต่อไปนี้ 

  1. การไม่ทำความสะอาดผม ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เหงื่อ ทำให้เกิดเป็นความมันบนเส้นผม
  1. การสระผมด้วยน้ำอุ่น จะทำให้เส้นผมและหนังศีรษะแห้ง จนผิวหนังต้องกระตุ้นให้สร้างไขมันบนหนังศีรษะออกมาจำนวนมากและอาจมากจนเกินไปทำให้กลายเป็นคนที่ผมมันง่ายขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
  1. การไม่ทำความสะอาดหมอน แน่นอนว่าฝุ่น เชื้อโรคและแบคทีเรียที่เราหนุนนอนทุกวันโดยไม่ทำความสะอาดเลย สิ่งสกปรกเหล่านี้ก็มักจะเกาะตัวและสะสมบนเส้นผม จนก่อให้เกิดความมันตามมาได้ 
  1. การไม่บำรุงรักษาเส้นผม จะทำให้สุขภาพของผมเสียสมดุลและก่อให้เกิดการผลิตน้ำมันบนเส้นผมออกมาในปริมาณมากได้

3 วิธีรับมือกับผมมันแบบเร่งด่วน!

การรับมือกับผมมันนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ทุกคนสามารถทำตามได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ 

  1. การสระผม เป็นวิธีการรับมือที่ง่ายที่สุด โดยควรสระผมทุก ๆ 2 วัน เป็นระยะเวลาการทำความสะอาดที่เหมาะสม ไม่ถี่เกินไป ไม่ห่างจนเกินไป จะช่วยคงสมดุลของหนังศีรษะและเส้นผมได้เป็นอย่างดี
  1. ใช้ดรายแชมพูเป็นตัวช่วยในเวลาเร่งด่วน เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มที่คนผมมันต้องมี ดรายแชมพูเป็นสเปรย์ที่ช่วยเปลี่ยนผมมันให้กลายเป็นผมแห้งสวยเหมือนออกจากร้านทำผมมาใหม่ ๆ เหมาะสำหรับคนที่สภาพผมมันหนัก ๆ 
  1. แป้งฝุ่น อาวุธสำหรับคนผมมันที่ต้องมีติดตัว ในเวลาเร่งด่วนที่ไม่สามารถรอช้าได้แนะนำให้ใช้แป้งฝุ่นโรยบริเวณโคนผมจากนั้นให้ปัด ๆ ให้เนื้อฝุ่นของแป้งกระจายตัวให้ทั่วเส้นผม จะช่วยลดความมันลงได้ในทันที

ผมมันเกิดจากพฤติกรรมในการใช้ชีวิตเป็นหลัก และสามารถรับมือด้วยตนเองได้ไม่ยาก ง่ายที่สุดคือการบำรุง ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้สะอาดและชุ่มชื่นอยู่สม่ำเสมอ แต่หากใครมองหาวิธีจัดการกับผมมันฉบับรวดเร็วและเร่งด่วนเราก็ได้แนะนำไปทั้งหมด 3 วิธีด้วยกัน ในยามรีบเร่งจัดการได้ไวทันใจแน่นอน 

เหตุใดต้นไม้จึงงามยามรับฝน

เหตุใดต้นไม้จึงงามยามรับฝน

เราเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมช่วงฤดูฝนต้นไม้จึงแตกหน่องดงาม เขียวขจี มีชีวิตชีวาทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็รดน้ำประปาไม่ได้ขาด มีความลับใดซ่อนอยู่ในน้ำฝน ลองไปดูกัน 

ธาตุอาหารที่เป็นหัวใจสำคัญหนึ่งที่ส่งเสริมการเติบโตของต้นไม้เป็นอย่างดี คือ ไนโตรเจน เป็นองค์ประกอบสำคัญในกระบวนการสร้างโครงสร้าง ซ่อมแซม เร่งการเจริญเติบโตของพืช เป็นตัวการสำคัญในกระบวนการเมตาโบลิซึ่มที่เปลี่ยนแปลงธาตุอาหารให้อยู่ในรูปที่พืชใช้งานได้ อีกทั้งยังเป็นองค์ประกอบของกรดอะมิโนจำเป็นในโปรตีนด้วย  ในบรรยากาศมีไนโตรเจนสูงแต่พืชไม่สามารถรับมาใช้โดยตรงได้ จะต้องผ่านกระบวนการทำปฏิกิริยาทางเคมีที่เปลี่ยนไนโตรเจนให้เป็น แอมโมเนียม และไนเตรท ซึ่งมีฝนเป็นตัวกลางสำคัญตามลำดับดังนี้ 

  1. พลังจากฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ทำให้เกิดพลังงานที่ส่งผลให้ไนโตรเจนกับออกซิเยนในอากาศทำปฏิกิริยากันเกิดเป็นสารไนตริกออกไซด์ (NO) ซึ่งเป็นสารที่ทำละลายได้ดีในน้ำฝน โดยมีการประเมินว่า ฟ้าแลบหนึ่งครั้งจะทำให้ธาตุไนโตรเจนตกลงมายังพื้นดิน 2 กิโลกรัมต่อพื้นที่จำนวน 1 ไร่
  2. น้ำฝนทำให้เกิดการทำละลาย หลังจากนั้นเมื่อฝนตก น้ำฝนจะเป็นตัวทำละลายเปลี่ยนในตริกออกไซด์ (NO) แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็น ไนโตรเจนออกไซด์(NO2) จากนั้นเกิดการทำละลายโดยน้ำฝนเปลี่ยนเป็นกรดไนตริก หรือดินประสิว (HN03) ตกลงมายังพื้นดิน
  3. ได้แคลเซียมไนเตรท กรดไนตริก หรือดินประสิวที่ตกลงมาจะไปรวมตัวกับธาตุอาหารอื่นๆในดิน เช่น แคลเซียม ทำให้เกิดธาตุอาหารสำคัญ คือ แคลเซียมไนเตรท ซึ่งเป็นปุ๋ยชั้นดีของพืช ช่วยสร้างรากฝอย กระตุ้นการแทงหน่อ สร้างความแข็งแรงให้กับผนังเซลล์ของพืช ช่วยทำให้รูปทรงของผลสมบูรณ์ไม่บิดเบี้ยว 
  4. น้ำฝนเป็นตัวนำสร้างธาตุอาหารชั้นดี  น้ำฝนที่ตกลงมานำพาคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศลงมาด้วย ทำให้มีค่าความเป็นกรดอ่อนๆ มีค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ต่ำกว่า 6 ด้วยคุณสมบัตินี้จึงเป็นตัวทำละลายธาตุต่างๆ ในอากาศและในดินปรุงเป็นอาหารพืชอื่นๆได้เป็นอย่างดี 

ยังมีงานวิจัยจากรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา พบว่า ในน้ำฝน 1 ลิตรจะมีธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม 0.8 มก. แมกนีเซียม 1.2 มก. โซเดียม 9.4 มก.ไบคาร์บอเนต 4 มก.ซัลเฟต 7.6 มก. คลดไรด์ 17 มก. ซิลิก้า 0.3 มก. เป็นต้น แต่ในน้ำประปาเป็นน้ำปรุงแต่งที่ส่งตรงผ่านท่อ (ไม่ได้ผ่านผิวดิน) สู่ต้นไม้โดยตรงไม่มีโอกาสนำพาธาตุอาหารในอากาศ และไม่มีค่าความเป็นกรดอ่อน ๆ ที่สามารถละลายธาตุต่าง ๆ ให้เป็นอาหารพืชได้เหมือนน้ำฝน พืชที่รับน้ำฝนเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ จึงเจริญเติบโตได้ดีกว่าชัดเจนเมื่อเทียบกับการรดด้วยน้ำประปา

เมื่อได้รู้จัก และทำความเข้าใจที่มาที่ไปของน้ำฝนแล้ว จะพบว่าน้ำฝนไม่ได้มีประโยชน์เพียงการเติมความชุ่มชื้นให้พืช และช่วยประหยัดน้ำประปาเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกลางช่วยสร้างอาหารธรรมชาติให้พืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการได้รับน้ำฝนเกินปริมาณและทำให้พืชอยู่ในความชื้นในระยะเวลานานเกินไปก็สามารถทำร้ายพืชในบางชนิดได้ด้วยเช่นกัน  

มะพร้าวกะทิเป็นอย่างไร มีประโยชน์หรือไม่

มะพร้าวกะทิเป็นอย่างไร มีประโยชน์หรือไม่

มะพร้าวที่นำมาทำกะทิสำหรับทำอาหาร กับมะพร้าวกะทิ เป็นคนละชนิดกัน กล่าวคือ กะทิ ทำมาจากมะพร้าวแกง ส่วนมะพร้าวกะทิ เป็นมะพร้าวที่มีลักษณะเนื้อและน้ำพิเศษเฉพาะตัว โดยมีความแตกต่างคือ

มะพร้าวแกง เนื้อแข็ง ต้องใช้อุปกรณ์มีคมขูดฝอยแล้วนำมาคั้นทำน้ำกะทิ ลักษณะน้ำในผลใส และน้ำนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น ทำเป็นน้ำสำหรับคั้นกะทิ หรือเป็นส่วนผสมของขนม หรืออาหารบางอย่าง ขณะที่ผลแก่เมื่อเขย่าลูกจะได้ยินเสียงน้ำขลุกขลิก เป็นมะพร้าวทั่วไปที่หาได้ง่าย

มะพร้าวกะทิ เนื้อหนานุ่มตั้งแต่นุ่มน้อยไปจนถึงฟูนุ่มเกือบเต็มกะลา น้ำข้นหนืด สามารถตักเนื้อพร้อมน้ำออกมารับประทานได้เลย ส่วนใหญ่นำเนื้อไปทำเป็นเมนูหวานระดับพรีเมียม เช่น มะพร้าวกะทิราดน้ำผึ้ง, มะพร้าวกะทิน้ำแข็งไส,เป็นส่วนผสมของทับทิมกรอบ,ทำบัวลอยหรือจะโรยน้ำตาลทรายแล้วตักทานเลยก็อร่อยมากเช่นกัน ฯลฯ เมื่อผลแก่ได้ที่หากลองเขย่าจะไม่ได้ยินเสียงน้ำอยู่ด้านในเพราะความข้นของน้ำนั่นเอง เป็นชนิดมะพร้าวที่หายาก และราคาแพงกว่ามะพร้าวแกง 8-10 เท่า เพราะจะมีเพียงบางต้น บางรุ่น บางทลาย ใน 1 ทลายอาจมี 1-3 ลูกที่มีโอกาสเป็นมะพร้าวกะทิ มีการทำวิจัยที่ประเทศฟิลิปปินส์โดยใช้ต้นมะพร้าวที่เคยเกิดมะพร้าวกะทิให้มีการผสมตัวเอง แล้วนำผลมะพร้าวที่ได้ไปปลูกจะได้มะพร้าวแกง 3 ส่วน และมะพร้าวกะทิ 1 ส่วน ตามกฎของเมนเดลอธิบายง่ายๆ คือ ถ้าต้นมะพร้าวให้ผลจำนวน 100 ลูก จะได้มะพร้าวแกง 75 ลูก และมะพร้าวกะทิ 25 ลูก ปัจจุบันได้มีการวิจัยพันธุ์ให้สามารถปลูกเป็นมะพร้าวกะทิโดยตรงได้แล้ว ในบ้านเราส่วนใหญ่สามารถพบได้ตามแหล่งปลูกได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

รู้จักมะพร้าวกะทิกันดีแล้ว ลองมาดูประโยชน์ของมะพร้าวชนิดนี้กันบ้าง

ในด้านสุขภาพร่างกาย ผลลัพธ์ที่เห็นเด่นชัดคือ กินแล้วอ่อนกว่าวัยเนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ในน้ำและเนื้อมะพร้าวยังมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม แมงกานีส ธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยให้เกิดภูมิต้านไวรัส ป้องกันแบคทีเรียและต้านเชื้อรา อีกหนึ่งประโยชน์สำคัญ คือ มีกรดลอริก (Lauric Acid) สูงถึง 46% เป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL)ในเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด ช่วยทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไขมันตกค้างน้อยลง เป็นการลดความอ้วนทางอ้อมด้วย และด้วยความที่เนื้อมะพร้าวมีกากใยสูงจึงเป็นตัวช่วยเรื่องระบบขับถ่ายเป็นอย่างดี

ในด้านเศรษฐกิจ เป็นผลไม้เศรษฐกิจที่มีราคาแพง และยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกมากเพราะมีคุณสมบัติตอบโจทย์ทั้งด้านอาหารและยา และยังเป็นพืชที่ไม่สามารถผลิตได้มากจนล้นตลาดได้จึงนับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างรายได้ของเกษตรกรไทย

แม้มะพร้าวกะทิจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายแต่หากรับประทานในปริมาณมากเกินไปก็อาจส่งผลกระทบในเชิงลบได้ด้วยเช่นกัน ในการบริโภคจึงควรรับประทานในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่ต่อเนื่องนานจนเกินไป และควรต้องออกกำลังกายอย่างเหมาะสมด้วย

11 กิจกรรมควรทำยามเช้าปลุกเร้าให้ปิ๊ง

กิจกรรมควรทำยามเช้าปลุกเร้าให้ปิ๊ง

การตื่นเช้าคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปได้และควรจะเป็น เพื่อเป็นการเพิ่มพลังชีวิตปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นอย่างรอบด้าน เราจะชวนคุณตื่นเช้าแล้วปลุกเร้าชีวิตให้ปิ๊งด้วย 11 กิจกรรมเหล่านี้

เตรียมพร้อมก่อนเข้านอน เช่น เตรียม To Do List ของวันพรุ่งนี้,จัดของใส่กระเป๋าให้พร้อม,ชุดที่จะใส่ไปทำงาน, ของว่างที่จะกินกับกาแฟตอนเช้า, อาหารมื้อเช้า เป็นต้น ช่วยให้เข้านอนด้วยจิตที่สงบ หลับสนิท สดชื่นเมื่อตื่นนอน

ปรับช่องให้แสงลอดเข้าห้องนอน ก่อนนอนให้ปรับม่านพอให้แสงลอดได้ระดับหนึ่ง แสงยามเช้าจะช่วยปลุกตื่นสร้างความกระตือรือร้น

ตั้งนาฬิกาปลุกก่อน 15-20 นาที เผื่อเวลาสำหรับยืดเหยียดแขนขา กลิ้งเล่นบนเตียง และจัดเก็บที่นอน

พักเรื่องเครียดไว้ก่อน หลีกเลี่ยงเรื่องเครียด หรือการตัดสินหนักๆ, อย่าเพิ่งอ่านข้อความไลน์ หรือคุยโทรศัพท์ รวมถึงการไม่นำเรื่องของคนอื่นมาขบคิดในยามนี้ พยายามอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด เติมพลังให้เต็มที่แล้วค่อยกลับเข้าสู่โหมดปกติอีกครั้งในเวลาเริ่มงาน

อิ่มสุขกับกาแฟหอมกรุ่น ชงกาแฟร้อนหอมกรุ่น หามุมนั่งหน้าระเบียงบ้านเพื่อให้ได้รับแสงอ่อนยามเช้า สัมผัสลมเย็น ฟังเสียงนกร้อง หรือจะเปิดดนตรีบรรเลงคลอเบาๆ ช่วยเพิ่มพลังบวก พลังคิดสร้างสรรค์

อ่านหนังสือ หรือฟังเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ การได้อ่านข้อคิดดี ๆ เรื่องราวสร้างแรงบันดาลก่อนเริ่มทำงานในวันใหม่ช่วยเติมพลังใจให้ฮึกเหิม สมองตื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมสนุกกับวันใหม่อย่างเต็มที่

วอร์มร่างกาย 10-15 นาที ก่อนอาบน้ำ เปิดเพลงแอโรบิคเบา ๆ ปลุกอวัยวะทุกส่วนให้ตื่นตัว กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เมื่อเหงื่อซึมความสดชื่นจะเข้ามาแทนที่

สูดลมหายใจเข้า-ออก หลังจากออกกำลังกายให้สงบนิ่งสูดลมหายใจเข้าทางจมูกให้ช้าและลึกที่สุด ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะค้างไว้ กลั้นหาย 10 วินาที แล้วค่อยผ่อนลมหายใจออกทางปากให้สุดพร้อมเคลื่อนแขนลงข้างลำตัว ทำแบบนี้ 10 รอบ เป็นการดึงออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองสร้างความกระปรี้กระเปร่าได้มาก

อาบน้ำทำสมาธิ มีสติอยู่กับการอาบ ไม่ฟุ้งคิดเรื่องอื่น เปิดฝักบัวให้น้ำไหลรดตัวสักครู่ หลับตารับรู้ถึงความสดชื่นที่ตกกระทบร่างกาย ก่อนจะถูสบู่ สระผมต่อไป

เผื่อเวลาออกจากบ้าน ลดความเครียด หงุดหงิด และอุบัติเหตุด้วยการวางแผนการเดินทาง เผื่อเวลาให้ถึงที่ทำงานสัก 10-15 นาที

กอด หรือบอกรักคนในครอบครัว แสดงความรักด้วยการโอบกอดคนในครอบครัวก่อนออกไปทำงาน ความอบอุ่นที่ได้รับเป็นพลังมหัศจรรย์ให้เป็นวันแสนดี

การจัดการให้ตัวเองได้รับพลังยามเช้าด้วยเทคนิคข้างต้นเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายในแต่ละวันสำเร็จได้ด้วยความสุข หากสามารถปฏิบัติได้ทุกวันจนเป็นนิสัยจะนำสู่การมีสุขภาพกายใจที่ดี และเกิดประสิทธิภาพในการทำงาน

7 เทคนิครับมือกับลูกค้าที่ชอบโวยวาย

เทคนิครับมือกับลูกค้าโวย

ในทุกธุรกิจบริการย่อมให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง ความไม่พอใจของลูกค้าถือเป็นภัยร้ายแรงที่ต้องหาวิธีการให้จบโดยเร็วและห้ามปล่อยให้ลุกลามบานปลาย เมื่อพบสถานการณ์แบบนี้ เราในฐานะผู้ให้บริการจะมีเทคนิคในการจัดการกับปัญหาอย่างไรดี

ปรับความคิดเชิงบวก รู้สึกขอบคุณลูกค้าที่ช่วยสะท้อนปัญหา แจ้งความบกพร่องให้ทราบ คิดเสมอว่าเราโชคดีที่ลูกค้ามาบอกโดยตรงไม่เลือกประจานผ่านสื่อสาธารณะจนทำให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนในการแก้ปัญหา

ตั้งสติ เมื่อเผชิญหน้าจงตั้งสติมั่น ไม่ตื่นตามอารมณ์ของลูกค้าที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ควบคุมปฏิกิริยา สีหน้า อารมณ์เป็นอย่างดี พยายามเรียนเชิญลูกค้าให้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ที่ไม่รบกวนลูกค้าท่านอื่น และมีความส่วนตัวมากพอที่จะให้ลูกค้าได้นำเสนอสิ่งที่เป็นปัญหาได้โดยสะดวก

เข้าใจ ยามลูกค้าอารมณ์ร้อนให้ใส่ใจฟังมากกว่าพยายามพูดหาข้อแก้ตัว เป็นการรับฟังด้วยความเห็นใจ เข้าใจ ซักถามเพิ่มเติมด้วยความสุภาพ ปรารถนาดีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาได้โดยเร็ว

เข้าถึง เข้าใจปัญหาของสินค้าและบริการ พร้อมแนะนำแนวทางแก้ไข หรือความรับผิดชอบถ้ามีด้วยความเต็มที่ เต็มใจ กระตือรือร้น หากปัญหานั้นไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองเพียงลำพังได้ให้รีบหารือกับผู้ที่มีอำนาจมากกว่า

เข้าทาง ลูกค้าทุกคนจะมีความคาดหวังจากผู้ให้บริการมาก่อนหน้านั้นแล้ว หากได้คำตอบหรือทางออกที่ใกล้เคียงกับความคาดหวังมากที่สุดแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่จะสามารถทำให้อารมณ์ผ่อนเบาลงเพราะมองเห็นว่าผู้ให้บริการได้พยายามหาทางออก หรือทางเลือกที่เหมาะสมมากพอในระดับหนึ่งที่พอจะยอมรับได้แล้ว ดังนั้นการตั้งใจฟังลูกค้าอย่างใส่ใจในตอนแรกจะช่วยให้เราหาทางออกที่ตรงใจลูกค้าเร็วขึ้น

ซื่อสัตย์ รักษาสัญญา อย่าโกหก หรือรับปากเพื่อเอาตัวรอด ตกลงอะไรไว้ต้องทำให้ได้ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะเลวร้ายตกเป็นกระแสปากต่อปาก (viral) จนยากต่อการแก้ไข ส่งผลกระทบต่อภาพใหญ่ของแบรนด์ ต้องเสียงบประมาณเยียวยา และการกอบกู้ภาพลักษณ์จำนวนมาก

ทำเหนือความคาดหมาย เพื่อหยุดปัญหาบานปลาย ในบางกรณีบริษัทฯ อาจต้องยอมปิดจบกับลูกค้าแบบซื้อใจ พลิกความคิดลูกค้าให้มาอยู่ฝ่ายเดียวกัน แม้บริษัทจะเสียประโยชน์ไปบ้างแต่ถือว่าคุ้มกว่าการสูญเสียงบประมาณในการแก้ไขที่จะตามมา เช่น การชดเชยด้วยสินค้า หรือบริการที่มีคุณภาพ และราคาใกล้เคียงกันที่อยู่นอกเหนือการันตีที่มีให้ตามมาตรฐาน เป็นต้น

ลูกค้าโวยไม่ใช่ผู้ร้ายการที่ลูกค้ากลับมาแจ้งปัญหากับผู้ให้บริการโดยตรงนับเป็นโอกาสดีต่อการพัฒนาธุรกิจอย่างรอบด้าน หากผู้ให้บริการเตรียมรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ลูกค้าเหล่านี้จะกลายเป็นกระบอกเสียงช่วยพีอาร์องค์กรได้อย่างทรงพลัง

4 เคล็ดลับสำหรับพูดต่อหน้าชุมชน

จะทำอย่างไรให้กล้าพูดในที่สาธารณะกว่าจะเป็นนักพูด ย่อมต้องผ่านการฝึกฝน เพราะหากขาดการเตรียมตัวมาอย่างดีก็มีโอกาสตกม้าตายได้ อยากพูดต่อหน้าชุมชนอย่างมืออาชีพ เริ่มการฝึกด้วย 4 เคล็ดลับสำหรับการพูดต่อหน้าชุมชน ดังนี้

เตรียมให้พร้อม ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้พูด และให้ประโยชน์สูงสุดกับผู้ฟัง

ศึกษาข้อมูลผู้ฟัง ต้องทราบว่าผู้ฟังเป็นใคร วัยใด คาดหวังอะไร กี่คน ตำแหน่งงาน บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ เพื่อประโยชน์ในการเตรียมเนื้อหา เวิร์คช็อป กิจกรรมเสริม ให้สอดคล้องกับผู้ฟังมากที่สุด ยิ่งเข้าถึงผู้ฟังได้มากความรู้สึกร่วมของผู้ฟังก็จะมากตามไปด้วย

เนื้อหาที่จะพูด เตรียมเนื้อหาด้วยตัวเองช่วยจัดลำดับ เพิ่มการจดจำเนื้อหาในการนำเสนอ ช่วยสร้างความมั่นใจลดความตื่นเต้นได้ การให้คนอื่นเตรียมบทอาจทำให้ประหม่า และเกิดผิดพลาดได้

เสื้อผ้า การแต่งกาย ควรแต่งกายตามสไตล์ผู้พูด ชุดที่คล่องตัว มั่นใจขณะสวมใส่ ทรงผมที่เป็นตัวของตัวเอง แต่งหน้าสดใสช่วยส่งเสริมความมั่นใจในการเคลื่อนตัวบนเวที และลดความประหม่าลงได้มาก

ศึกษาห้องบรรยาย เช็คลักษณะห้อง ความพร้อมของอุปกรณ์ล่วงหน้าเพื่อความลื่นไหลในการบรรยาย

  • ซ้อมให้นิ่ง ศึกษาวิธีพูดของคนอี่นผ่านสื่อต่าง ๆ ดูข้อดีข้อเสียแล้วนำมาปรับใช้ รวบรวมจุดตายมาเตรียมวิธีแก้ไขไว้ล่วงหน้า เช่น ผู้ฟังไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม, หลับสัปหงก, คุยแข่งกันไม่สนใจผู้พูด ฯลฯ เราจะแก้ปัญหาอย่างไร ซ้อมเสมือนจริง1-2 ครั้ง ก่อนขึ้นเวที 1 วันลองลำดับหัวข้อนำเสนอใหญ่ๆ ในใจเพื่อให้มั่นใจว่าจำเนื้อหาโดยรวมได้แม่นยำ
  • วิ่งให้สุดตัว เชื่อมั่นว่าทำได้ และจะทำมันอย่างดีที่สุด มาถึงห้องบรรยายก่อนเวลาอย่างน้อย 1 ชม. เพื่อเตรียมความพร้อม เริ่มต้นพูดด้วยการแนะนำตัวอย่างสุภาพ เป็นกันเอง พูดมั่นใจใส่พลังเต็มที่ สบตาผู้ฟังโดยรอบ ยิ้มแย้มแจ่มใส ใส่อารมณ์ได้ตามเนื้อหา หากตื่นเต้นให้หายใจเข้าออกลึกๆ สลับตั้งคำถามไปยังผู้ฟังบ้างช่วยลดความตื่นเต้น และสร้างความใกล้ชิดคุ้นชินกับผู้ฟังได้มากขึ้น

สรุปหัวใจให้จดจำ สรุปเนื้อหาสำคัญสร้างการจดจำเป็นระยะ และง่ายต่อการทวนซ้ำ ปิดจบด้วยกิจกรรม หรือเพลง หรือประโยคสร้างแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว สร้างความฮึกเหิม เกิดพลัง ความประทับใจ และแรงบันดาลใจกลับไป

อย่ากลัวเวที มีของดีต้องหาโอกาสปล่อยออกมา เวทีการพูดในที่สาธารณะเป็นใบเบิกทางสู่โอกาสใหม่ เป็นโจทย์ท้าทายที่ใช้ผลักตัวเองให้ก้าวไปอีกระดับ และเมื่อคุณเก่งมากพอเวทีนี้อาจเปลี่ยนชีวิตคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

ปุ๋ยแพง ! แนะนำวิธีทำปุ๋ยเอง ลดต้นทุน ปลอดสารเคมี

แนะนำวิธีทำปุ๋ยเอง ลดต้นทุน ปลอดสารเคมี

ภายหลังจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำเอาตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต่างพาเหรดกันขึ้นราคาเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน ทองคำ ไม่เว้นแม้กระทั้ง ปุ๋ยเคมี ที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้น 2-3 เท่า ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน ทำเอาพี่น้องเกษตรกรจำนวนมากได้รับผลกระทบ ปุ๋ยแพง แต่ถ้าหากเรารู้วิธีการผลิตปุ๋ยเองได้ก็จะช่วยลดต้นทุนการทำเกษตรกรรมได้

ปุ๋ยหมักจากเศษพืชผลทางการเกษตร

การทำปุ๋ยหมักจากเศษพืชผลทางการเกษตร เป็นตัวเลือกในลำดับต้น ๆ ของพี่น้องเกษตรกร เช่น ฟางข้าว, กากมันสำปะหลัง, เค้กอ้อยหรือขี้อ้อย ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมในการผลิตปุ๋ยหมักและที่สำคัญราคาถูกอีกด้วย โดยมีวิธีการทำที่ง่ายและใช้เวลาน้อยที่สุดในการหมักดังนี้

  • เศษพืชจากการทำเกษตร ฟางข้าว, กากมันสำปะหลัง, เค้กอ้อย 1,000 กิโลกรัม
  • มูลวัว, มูลหมู, หมูไก่ 200-300 กิโลกรัม
  • จุลินทรีย์ พด.1 1 ซอง (ขอได้ฟรีจากกรมพัฒนาที่ดิน ในแต่ละจังหวัด)
  • น้ำสำหรับผสมจุลินทรีย์ 20 ลิตร

วิธีทำ

  1. ใส่ จุลินทรีย์ พด.1 ลงในน้ำ คนให้เข้าประมาณ 5-10 นาที
  2. นำวัสดุเศษพืชมากองชั้นแรก ให้มีขนาดกว้าง 2เมตร ยาว 3 เมตร สูง 30 เซนติเมตร รดน้ำให้ชุ่ม
  3. นำมูลสัตว์มาโรยในชั้นที่สอง รดน้ำผสมจุลินทรีย์
  4. นำเศษพืชและมูลสัตว์มาวางสลับกันไปมาในแต่ละชั้น พร้อมรดน้ำและจุลินทรีย์เหมือนในขั้นตอนที่ 2 และ 3 จนหมด โดยในชั้นสุดท้ายคลุมด้วยเศษพืช แล้วรดน้ำจุลินทรีย์ที่เหลือทั้งหมด
  5. รอการย่อยสลายประมาณ 6 -12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพของปุ๋ยหมักว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ โดยดูจากสีของวัสดุจะเป็นสีน้ำตาลค่อนไปทางดำ, เศษพืชเปื่อย ฉีกขาดง่าย ไม่มีกลิ่นเหม็น

ปุ๋ยน้ำหมักขี้หมูกับสารซุปเปอร์ พด.2

สำหรับปุ๋ยน้ำหมักขี้หมูกับสารซุปเปอร์ พด. 2 นี้ จะนิยมในหมู่เกษตรกรขาวไร่มันสำปะหลังและพืชผักสวนครัว เพราะช่วยให้พืชมีการเจริญเติบโตดีในช่วง 1-3 เดือน หรือมากกว่านั้นหากใช้รดเป็นประจำ ซึ่งมีวัสดุในการทำดังนี้

  • ขี้หมูแห้ง 1 กิโลกรัม
  • มุ้งเขียวหรือมุ้งตาข่ายสีฟ้าตาถี่ ๆ
  • สารซุปเปอร์ พด.2 หรือ จุลินทรีย์ EM 10-20 ซีซี
  • น้ำ 20 ลิตร
  • กากน้ำตาล ½ ลิตร

วิธีทำ

  1. นำขี้หมูแห้งใส่มุ้งเขียวมัดปากถุงให้เรียบร้อยแช่ลงในถังที่มีน้ำ 20 ลิตร
  2. ใส่สารซุปเปอร์ พด.2 1 ซอง หรือ EM 10 ซีซี
  3. กากน้ำตาล ½ ลิตร
  4. คนให้ทุกอย่างเข้าด้วยกันนาน 15-20 นาที
  5. ปิดฝา หมักเป็นระยะเวลา 7-10 วัน แล้วนำเอาถุงใส่ขี้หมูออก
  6. เมื่อนำไปใช้งานเป็นปุ๋ยน้ำ ให้นำน้ำหมักขี้หมู ผสมน้ำในอัตราส่วน 1 : 20 รดน้ำต้นไม้ พืชผัก พืชไร่ ในตอนเช้า ทุก ๆ 7-10 วัน หรือใครสะดวกสามารถรดทุกวันหรือวันเว้นวันได้
  7. สำหรับขี้หมูที่ยกออกจากถังหมักสามารถนำไปใส่ต้นไม้หรือพืชผลอื่น ๆ ได้

ในสภาวะ ปุ๋ยแพง คาดว่าปุ๋ยหมักและปุ๋ยน้ำจะเป็นทางออกที่ดีให้แก่พี่น้องเกษตรกร เพื่อใช้ในการลดต้นทุนในกระบวนการทำเกษตรได้ โดยเฉพาะชาวนาที่ปัจจุบันราคาข้าวค่อนข้างต่ำมาก คงไม่สามารถแบกรับต้นทุนราคาปุ๋ยที่พุงขึ้น 2-3 เท่าตัว อีกทั้งสาร พด. 1 และ 2 ก็สามารถขอได้ฟรีจากกรมพัฒนาที่ดินในจังหวัดที่ท่านอยู่ได้

ประโยชน์ของการใช้ chatbot เพื่อธุรกิจออนไลน์

ประโยชน์ของการใช้ chatbot เพื่อธุรกิจออนไลน์

ในปัจจุบัน ระบบคอมพิวเตอร์บริการตอบคำถามอัตโนมัติ หรือแชทบอท chatbot ถือเป็นเครื่องมือช่วยเหลือแก่การตลาดออนไลน์ที่ดี ซึ่งเราเห็นได้จากธุรกิจขนาดกลางและใหญ่เกือบ 90% จะติดตั้งแชทบอทในเว็บไซต์หน้าแรก เพื่อการบริการลูกค้า

เรามาดูกันว่า การใช้แชทบอทมีประโยชน์สำหรับธุรกิจออนไลน์ในด้านใดบ้าง

1.ตอบคำถามเร็ว
แชทบอทถือเป็นผู้ช่วยในการให้บริการที่ดึงดูดใจแก่ลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์ เพราะสามารถตอบคำถามต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อมูลสินค้าได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เป็นการแก้ปัญหาที่ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ต่าง ๆ มักประสบตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา กับการต้องรอคอยคิวตอบคำถามจากเจ้าหน้าที่นาน 5-10 นาทีขึ้นไปเสมอ การบริการของระบบแชทบอทจึงลดเวลาการรอคอยและสร้างความประทับใจได้อย่างมาก

2.ทำงานสม่ำเสมอ
แชทบอทเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบประมวลผลความเร็วสูง จึงคำถามต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วสม่ำเสมอ และไม่มีภาวะเหนื่อยล้าสะสมอย่างเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนที่มักเหนื่อยล้าหลังทำงานต่อเนื่อง 8-10 ชั่วโมง หรือการทำงานกะกลางคืน

3.บริการลูกค้าได้หลายคนพร้อมกัน
เนื่องจากความสามารถของคนมีจำกัดจากกำลังกายและกำลังสมอง แม้แต่พนักงานที่ตอบคำถามหรือแอดมินเพจต่าง ๆ ก็ย่อมสามารถตอบคำถามลูกค้าได้ครั้งละ 1-2 คนเท่านั้น เพราะหากตอบมากกว่านี้ อาจเกิดการสับสนและให้ข้อมูลที่ผิดพลาดได้ แต่การใช้งานแชทบอทนั้นสามารถที่จะตอบคำถามลูกค้าเป็นจำนวนมากซ้อนกันได้โดยไม่มีความผิดพลาด เพราะระบบได้ผ่านการวางโปรแกรมและทดสอบมาแล้ว

4.ประหยัดค่าใช้จ่าย
หากเจ้าของธุรกิจต้องจ้างงานแอดมินเพจหรือเว็บไซต์ให้บริการตอบคำถามทุกวัน ช่วงรอบเช้าและกลางคืน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนหลายหมื่นบาท ซึ่งเป็นต้นทุนในการทำธุรกิจที่สูงมาก โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง การใช้เทคโนโลยีไอทีอย่างแชทบอทจึงสามารถประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานได้ และทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายประจำของธุรกิจได้ในระยะยาวด้วย

5.สร้างภาพลักษณ์ที่ดี
การใช้แชทบอทจะทำให้ลูกค้าประทับใจในบริการที่รวดเร็วและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้แก่แบรนด์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความเชื่อมั่นในสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภครุ่นใหม่ด้วย

6.ลดการถูกร้องเรียน
แชทบอทไม่มีอารมณ์หงุดหงิดโมโหหรือเบื่อหน่ายเมื่อต้องตอบคำถามเดิมซ้ำบ่อยกับลูกค้าหลายคนหรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวหากลูกค้าแสดงอารมณ์ไม่พอใจต่าง ๆ ดังนั้นจึงลดการถูกร้องเรียนและช่วยรักษาฐานลูกค้าประจำที่พึงพอใจในบริการได้ด้วย

แชทบอทถือเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์จากข้อดีทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมา หวังว่าผู้ทำธุรกิจยุคใหม่ทุกท่านจะพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุนวางระบบแชทบอท เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและประหยัดค่าใช้จ่ายต่อองค์กรได้มากขึ้นในระยะยาว